ราคาเฉลี่ยของรถยนต์ไฟฟ้า

ต้องบอกเลยครับว่า โดยรวมแล้ว ราคาเฉลี่ยของรถยนต์ไฟฟ้า ในประเทศไทยนั้น ยังมองว่าค่อนข้างที่จะแพงอยู่ ถึงแม้ว่าจะช่วยประหยัดพลังงานได้มากแค่ไหนก็ ซึ่งจุดนี้เอง จึงทำให้ ราคาเฉลี่ยของรถยนต์ไฟฟ้า ยังไม่มีเป็นที่ต้องการอย่างแน่นอนครับ ซึ่งถือว่า ผมว่าดีแล้วที่เริ่มจาก รถยนต์ไฟฟ้าราคาแพง จะใช้ได้เฉพาะเศรษฐัเท่านั้น เอาไว้ลองเทคโนโลยีใหม่ๆ เพราะตอนนี้ ราคาแบตยังสูงอยู่มากๆ ประมาณ 40%ของราคารถ  แถมไทยเรายังมี ภาษีนำเข้าอีกซึ่งสูงมากอยู่ ผมไฝ่ฝันว่าจะได้ใช้ รถกระบะ หรือ รถยนต์นั่งไฟฟ้า  ตอนนี้ก็คงได้แต่ใข้มอไซค์ไฟฟ้าวิ่งแถวบ้านไปก่อน และ อีกทางนึงที่พอเปนไปได้สำหรับคนญานะปานกลางคือ เอารถเก่าไปโม เป็นไฟฟ้าแบะพยายามจดทะเบียนให้ผ่าน ซึ่งน่าจะใข้งบ 2-3แสนบาท

รถยนต์ไฟฟ้า

เรียกได้ว่า ต้นทุนรถยนต์ไฟฟ้า ถูกกว่า เครื่องยนต์มาก เพราะไม่มีชิ้นส่วนเป็นหมื่นๆชิ้นเหมือนในรถเครื่องยนต์ หัวเทียน + คอยล์จุดระเบิด + หม้อน้ำ + ท่อน้ำ + ท่อส่งน้ัามัน + ปั๊มติ๊ก + ท่อไอเสีย + ตะตาไลติก + ฯล แทนที่ด้วยแผงวงจรอันเดียว ใจเย็นๆ อนาคต ไม่ต้องใช้สถานนีเติมประจุไฟฟ้า / ใช้ถนนเติมประจุไฟฟ้าแทนได้ครับ วิ่งไป ชารจ์ไป เก็บตัง ออนไลน์ รวมๆแล้ว อีก สามสิบปีข้างหน้า ต้นทุนการผลิต + การบรการ รถเก๋งไฟฟ้า คันละ ไม่ถึงห้าแสนบาท ด้วยสมรรถนะ เร่งความเร้ว 0-100 กมฝชั่วโมง ภายใน 4 วินาที แข่งได้กับ super car ราคา สิบล้าน คิดว่า 5-10 ปี นะครับกว่าจะเริ่มกันในไทย แต่ถ้ามีใครเอามาทุบตลาด ญี่ปุ่นคงเริ่มวิ่ง ไม่ใช่เดินนะ  เค้าขอ BOI ก็จริง แต่ดูรูปการณ์แล้ว full system คงไม่ต่ำกว่า 10 ปี ไม่งั้นโรงงานผลิตเครื่องยนต์เอาไปปลูกสาระแนไม่ได้และที่รัฐเริ่มโคลงการนะถูกแล้ว การไฟฟ้าก็จะได้เริ่มระบบสำรองไฟด้วย ปตท. ก็จะได้ขยับตัว มีแต่ข้อดี หรือ รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าควรตรวจสอบเรื่องราคาอะไหล่ แบตเตอรี่เก็บไฟเปลี่ยนแต่ละครั้งราคา ค่อนข้างสูงมาก ส่วนรถยนต์ที่เติมแก๊สระบบ CNG พอใช้ครบ 4 ปีหรือประมาณ 1 แสนกม. เกิดปัญหาหัวฉีดแก๊สอุดตันเปลี่ยนใหม่หัวละ 1 หมื่น เปลี่ยน 4 หัว ราคา 3.6 หมื่น ต้นทุนเฉลี่ยปีละ 1 หมื่น สุดท้ายกลับมาใช้รถยนต์พลังงานจากน้ำมันระบบเดียว ขับขี่บริหารเส้นทาง ใช้ให้คุ้มค่า และให้เกิดความประหยัดดีที่สุด

เรื่องการต่อแถวชาร์ทไฟ ผมว่าไม่มีปัญหานะครับ เพราะว่าสามารถติดตั้งได้ตามที่จอดรถได้เลย ไม่ต้องมีแค่จุดเดียว ส่วนระยะเวลาชาร์ทไฟ ก็ขอให้ติดตั้งเครื่องพวกแบบ ซุปเปอร์ชาร์ทเจอร์ สามารถชาร์ทได้เร็วสัก ครึ่งชั่วโมง ก็ได้ครับ ถ้ารีบมาก ก้ชาร์ทสักครึ่งนึงก็ได้ ถ้าเป็นขับทางใกล ก็ควรจะมีสถานีชาร์ท เหมือนป็มครับ อยู่ในปั๊มเลยก็ได้ และเรื่องอะไหล่ รถไฟฟ้ามีกลไก ในการทำงานน้อยกว่า รถใช้น้ำมันที่มีกลไกเคลื่อนไหวตลอดเวลาเป็นพันๆชิ้น การสึกหรอของอุปกรณ์ น่าจะน้อย

Roger Wilson

Back to top