Category: Automobile

สิ่งที่เรามักจะมองข้ามเกี่ยวกับรถยนต์อยู่เสมอๆ ก็คงจะหนีไม่พ้น “ยางรถยนต์” กันอย่างแน่นอนใช่มั้ยหล่ะครับ เพราะเจ้ายางรถยนต์นี่มักจะเป็นสิ่งสุดท้ายหรือท้ายสุดที่ทุกๆ ท่านมักจะเปลี่ยนกันเป็นแน่ แต่ทานทราบกันหรือไม่ครับว่า “เราต้องเปลี่ยนยางและเลือกยางรถยนต์อย่างไรถึงจะดีที่สุด” วันนี้เราจึงขออาสาพาไม่หาคำตอบกันครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น…เราไปชมกันเล้ยย!! ทำความรู้จักกับ “ยางรถยนต์” ยางรถยนต์ คือ ชิ้นส่วนที่ประกอบเป็นล้อของรถยนต์หรือล้อของรถประเภทต่างๆ ยางรถยนต์มีสีดำ รูปร่างกลมมีรูตรงกลาง เป็นวงแหวน ภายในกลวงบรรจุอากาศที่มีความดันสูง หรือ ก๊าซไนโตรเจนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย หรือ ยางในรถยนต์สำหรับรับน้ำหนักบรรทุกมาก ยางรถยนต์มีหน้าที่ต้องรับน้ำหนักรถและสัมภาระต่างๆ โดยเป็นเพียงส่วนเดียวของรถยนต์ที่สัมผัสพื้นถนน ประเภทของยางรถยนต์ ยางรถยนต์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันนั้นจะมีการแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ที่ส่วนใหญ่แล้วยังเป็นประเภทที่นิยมใช้ในบ้านเราอีกด้วย ซึ่งได้แก่ ยางประเภท Highway…

หากว่ากันด้วยเรื่องของรถยนต์แล้วหล่ะก็…มีหลากหลายสิ่งที่น่าสนใจและน่าเรียนรู้เป็นอย่างมากเลยก็ว่าได้ครับ เชื่อกันได้เลยว่าหลายๆ ท่านนอกจากจะรู้เรื่องการขับขี่การทำความสะอาดการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแล้วนั้น…ยังมีอีกหลายๆ เรื่องที่ยังไม่ทราบกันอย่างแน่นอน วันนี้เราจะขอพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “5 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับนรถยนต์” เพื่อการใช้งานรถยนต์ที่ดีและมีประสิทธิภาพกันครับ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับผม 5 เรื่องที่ต้องเรียนรู้ไว้ก่อนขับขี่รถยนต์ ●การใช้เบรก ควรใช้เมื่อหยุดเท่านั้น อาจจะเป็นเรื่องที่ยากจะบรรยายเกี่ยวกับการใช้เบรก แต่โดยปกติแล้วเบรกจะถูกใช้ 2 กรณี คือชะลอความเร็วและหยุดรถ แต่ด้วยความเข้าใจในเรื่องการชะลอความเร็วนี่เอง ทำให้มือใหม่หลายคนขับรถโดยแตะเบรกแทบตลอดเวลาทำให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ผู้ขับขี่คนอื่น เนื่องจากเวลาเบรกไฟเบรกทางด้านหลังก็จะติดด้วย และจะทำให้ผ้าเบรกเกิดการสึกหรอมากกว่าที่ควรจะเป็น เพียงเพราะต้องการรักษาความเร็ว ทางแก้ของปัญหานี้ คือ ต้องหัดการควบคุมคันเร่ง แต่หากวันนี้ใครเป็นคนที่ขับรถแล้ว ติดต้องใช้เบรก ลองเริ่มต้นด้วยการผ่อนคันเร่งก่อน แล้วกลับค่อยๆ เหยียบไปให้น้ำหนักตามความเร็วที่ต้องการดู น่าจะดีกว่า แม้อาจจะไม่ชินในช่วงแรกแต่ท้ายที่สุด…

หากว่ากันด้วยเรื่องของรถยนต์แล้วหล่ะก็…มีหลากหลายสิ่งที่น่าสนใจและน่าเรียนรู้เป็นอย่างมากเลยก็ว่าได้ครับ เชื่อกันได้เลยว่าหลายๆ ท่านนอกจากจะรู้เรื่องการขับขี่การทำความสะอาดการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแล้วนั้น…ยังมีอีกหลายๆ เรื่องที่ยังไม่ทราบกันอย่างแน่นอน วันนี้เราจะขอพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “5 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับนรถยนต์” เพื่อการใช้งานรถยนต์ที่ดีและมีประสิทธิภาพกันครับ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับผม 5 เรื่องที่ต้องเรียนรู้ไว้ก่อนขับขี่รถยนต์ ●การใช้เบรก ควรใช้เมื่อหยุดเท่านั้น อาจจะเป็นเรื่องที่ยากจะบรรยายเกี่ยวกับการใช้เบรก แต่โดยปกติแล้วเบรกจะถูกใช้ 2 กรณี คือชะลอความเร็วและหยุดรถ แต่ด้วยความเข้าใจในเรื่องการชะลอความเร็วนี่เอง ทำให้มือใหม่หลายคนขับรถโดยแตะเบรกแทบตลอดเวลาทำให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ผู้ขับขี่คนอื่น เนื่องจากเวลาเบรกไฟเบรกทางด้านหลังก็จะติดด้วย และจะทำให้ผ้าเบรกเกิดการสึกหรอมากกว่าที่ควรจะเป็น เพียงเพราะต้องการรักษาความเร็ว ทางแก้ของปัญหานี้ คือ ต้องหัดการควบคุมคันเร่ง แต่หากวันนี้ใครเป็นคนที่ขับรถแล้ว ติดต้องใช้เบรก ลองเริ่มต้นด้วยการผ่อนคันเร่งก่อน แล้วกลับค่อยๆ เหยียบไปให้น้ำหนักตามความเร็วที่ต้องการดู น่าจะดีกว่า แม้อาจจะไม่ชินในช่วงแรกแต่ท้ายที่สุด…

ปัจจุบันการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวและรถสาธารณะนั้น เป็นอะไรที่ทุกๆ ท่านจะต้องใช้กันอยู่เป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว การมีหูตาคอยบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างนั่งหรือขับรถ เป็นอะไรที่เหมาะเจาะและจำเป็นสำหรับปัจจุบันเป็นอย่างมากเลยหล่ะครับ วันนี้เราจึงอยากพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “4 กล้องติดรถที่น่าสนใจ” กันสักหน่อยครับ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น… เราไปชมกันดีกว่าครับผม กล้องติดรถยนต์เป็นอย่างไร? กล้องติดรถยนต์ คือ กล้องวิดิโอที่ใช้ติดบริเวณด้านหน้ารถ ส่วนใหญ่จะบันทึกภาพและเสียงต่อเนื่องเพื่อบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ในระหว่างการเดินทางหรือการขับขี่นั้นเองครับ โดยกล้องติดรถยนต์แทบจะทุกรุ่นจะติดที่ตำแหน่งกระจกหน้ารถ ไม่ได้ติดที่แผงคอนโซลหน้ารถ ส่วนมากจะติดตั้งในแนวที่ถ่ายไปด้านหน้าตัวรถและด้านหลังตัวรถเป็นหลักครับ 4 กล้องติดรถน่าใช้งาน ●กล้อง Aston รุ่น Ultimate X WIFI กล้องติดรถยนต์จาก ASTON เป็นอีกตัวหนึ่งที่ฟังก์ชันครบด้วยหน้าจอขนาด 3…

ปัจจุบันด้วนเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากมายและเทรนด์การอนุรักษ์ธรรมชาติด้วยการใช้พลังงานสะอาดกำลังมาแรงเป็นอย่างมากเลยก็ว่าได้ครับ ดังเช่น รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนพาเราไปไหนมาไหน แถมยังมีระบบนำทางต่างๆ มากมาย มาพร้อมกับเซนเซอร์ที่แม่นยำเป็นอย่างมาก วันนี้เราจึงอยากพาทุกๆ ท่านไปพบกับหนึ่งระบบที่ยน่าสนใจนั้นก็คือ “หลักการทำงานของระบบถอยจอดรถอัตโนมัติ” นั้นเองครับ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่า!!! หลักการทำงานของระบบถอยจอดรถอัตโนมัติเป็นอย่างไร? ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ (Active Park Assist ) หรืออาจจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไปตามแต่ละค่าย ถือเป็นระบบที่ใช้สำหรับช่วยหาช่องว่างที่สามารถจอดรถได้ รวมถึงสามารถจอดรถให้เองแบบอัตโนมัติ โดยระบบจะทำงานด้วยเซ็นเซอร์แบบอุลตราโซนิก ที่ติดตั้งบริเวณด้านท้ายของตัวรถ ซึ่งจะทำหน้าที่ในการสแกนหาช่องว่างรอบๆ ตัวรถ เพื่อจอด และช่วยควบคุมการหมุนพวงมาลัย เพื่อให้รถสามารถจอดในช่องว่างนั้นได้ โดยผู้ขับทำเพียงแค่ควบคุมการเข้าเกียร์ และเหยียบเบรกเท่านั้น ไม่เพียงแต่ระบบนี้จะช่วยจอดรถเท่านั้น แต่ยังช่วยนำรถออกจากช่องจอดได้อีกด้วย และถ้าหากรู้สึกไม่ปลอดภัยกับการถอยรถยังสามารถหักพวงมาลัยสวนทางกับด้านที่รถเลี้ยวอยู่เพื่อยกเลิกระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติได้ การทำงานของระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะนี้ ประกอบด้วยเทคโนโลยีมากมาย…

ด้วยเทคโนโลยีและนวัฒตกรรมมากมายเกี่ยวกับระบบต่างๆ ของรถยนต์ที่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Auto-pilot, ระบบ Safety, ระบบนำทางอย่าง GPS, กล้องวงจรปิดต่างๆ อีกทั้งระบบที่กำลังเป็นที่นิยมและเพิ่มความง่ายให้กับผู้ขับขี่มือใหม่และมือเก๋าอย่าง “ระบบจอดรถอัตโนมัติ” นั้นเองครับ บทความนี้เลยอยากพาท่านผู้อ่านทุกๆ ท่านไปทำความรู้จักกับ “ระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ ของรถยนต์รุ่นใหม่” และไขข้อสงสัยเกี่ยวกับ “ระบบถอยจอดอัตโนมัติ สามารถไว้วางใจได้หรือไม่?” กันครับ 8 เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกของรถยนต์ 1. ระบบผู้ช่วยส่วนตัว (Personal Assistant) ระบบนี้เป็นเหมือนเลขาส่วนตัว ที่ก่อนออกรถ จะมีการแจ้งถึงปริมาณการจราจรที่ต้องผ่าน, สภาพอากาศและข้อมูลอื่นๆที่จำเป็น เป็นตัวช่วยที่ทำให้คุณได้เตรียมตัวล่วงหน้า และไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย 2.ระบบแนะนำเส้นทาง (Personal…

ในปัจจุบันราคาน้ำมันกำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหารการกินก็ดี ราคาวัตถุดิบหรือสินค้าต่างๆ และที่กระทบมากที่สุดนั้นก็คือ “การเดินทาง” นั้นเองครับ ซึ่งสิ่งที่กำลังมาแรงในการประหยัดค่าน้ำมันหรือค่าเดินทางนั้นก็คือ “รถไฟฟ้า” ที่กำลังเป็นที่จับตามองและต้องตาต้องใจสำหรับใครหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ครับ บทความนี้จึงอยากเป็นกระบอกเสียงและแนะนำทุกๆ ท่านกับ “5 รุ่น รถไฟฟ้ามาแรง 2022” จะมีแบรนด์ไหน รุ่นใดกันบ้างนั้น เราไปชมกันดีกว่าครับ ทำความรู้จักกับ รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV รถยนต์ EV (Electric Vehicle) ก็คือรถยนต์แบบใช้ไฟฟ้าทั้งคันแบบ 100% ไม่มีพลังงานอื่นมาใช้งานร่วมด้วย โดยสามารถชาร์จไฟได้อย่างต่อเนื่องเมื่อแบตเตอรี่หมด นอกจากนี้ยังมีการแบ่งประเภทรถไฟฟ้าแบบอื่นๆ…

ปัจจุบันเรียกได้ว่า “รถยนต์ไฟฟ้า” กำลังเป็นที่กล่าวถึงและได้รับความนิยมกันเป็นอย่างมาก ขึ้นเชื่อในเรื่องของความสะดวก ความสบาย ในระยะยาวสามารถช่วยให้ทุกๆ ท่านประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าน้ำมันได้เป็นอย่างมาก  ซึ่งประโยชน์ที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้ไม่เกินจริงเลยหล่ะครับ เพราะเทคโนโลยี้ในปัจจุบันก้าวไกลไปอย่างมากแล้ว บทความนี้จึงอยากของพาทุกๆ ท่านไปค้นหาคำตอบและหาความรู้เกี่ยวกับ “รถยนต์ไฟฟ้า” และศึกษา “ข้อแตกต่างระหว่างรถไฟฟ้าและรถน้ำมัน” กันครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น เราไปดูกันเล้ย… รถยนต์ไฟฟ้าคืออะไร? และมีกี่ประเภท รถยนต์ไฟฟ้า คือ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยใช้พลังงานไฟฟ้าที่เก็บอยู่ในแบตเตอรี่หรืออุปกรณ์เก็บพลังงานไฟฟ้าแบบอื่นๆ ซึ่งข้อดีของมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้เกิดแรงบิดได้ทันที ส่งผลให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีอัตราเร่งที่เรียบและรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าได้แบ่งเป็นประเภทต่างๆ ตามระบบการใช้งาน สามารถแบ่งแยกเป็นอีก 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่ ●รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV)  เป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว…

ในปัจจุบันเรื่องของค่าเดินทางหรือค่าพลังงานเชื้อเพลิงเป็นปัญหาอับดับต้นๆ ของทุกๆ คน เนื่องจากมีราคาสูง จึงทำให้เกิดการใช้พลังงานทางเลือกมากมายเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เฉกเช่นเดียวกับการเลือกใช้ “รถขับเคลื่อนไฟฟ้า” ที่กำลังได้รับความสนใจและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบันครับ บทความนี้จะขอพาทุกๆ ท่านไปหาคำตอบกันว่า “ทำไมเราถึงต้องใช้รถไฟฟ้า” กันครับ ทำความรู้จักรถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า รถยนต์ขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า หรือที่เราเรียกกันว่า “Electric Vehicle (EV)” เป็นรถยนตที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว ไม่มีเครื่องยนต์ระบบสันดาปภายใน ทำให้ไม่มีการปล่อยไอเสียและไม่สร้างมลพิษ ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้สม่ำเสมอเมื่อแบตเตอรี่หมด ผ่านทางที่ชาร์จภายในบ้านหรือสถานีชาร์จไฟ โดยใช้เวลาประมาณ  6-8 ชั่วโมงในการชาร์จปกติ หรือ 2-4 ชั่วโมงในการชาร์จผ่านแทนชาร์จแบบ Fast Chargeซึ่งจะมีองค์ประกอบหลักๆ ได้แก่ แบตเตอรี่ มอเตอร์ขนาดใหญ่…