5 รุ่น รถไฟฟ้ามาแรงแห่งปี 2022

ในปัจจุบันราคาน้ำมันกำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหารการกินก็ดี ราคาวัตถุดิบหรือสินค้าต่างๆ และที่กระทบมากที่สุดนั้นก็คือ “การเดินทาง” นั้นเองครับ ซึ่งสิ่งที่กำลังมาแรงในการประหยัดค่าน้ำมันหรือค่าเดินทางนั้นก็คือ “รถไฟฟ้า” ที่กำลังเป็นที่จับตามองและต้องตาต้องใจสำหรับใครหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ครับ บทความนี้จึงอยากเป็นกระบอกเสียงและแนะนำทุกๆ ท่านกับ “5 รุ่น รถไฟฟ้ามาแรง 2022” จะมีแบรนด์ไหน รุ่นใดกันบ้างนั้น เราไปชมกันดีกว่าครับ

ทำความรู้จักกับ รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV

รถยนต์ EV (Electric Vehicle) ก็คือรถยนต์แบบใช้ไฟฟ้าทั้งคันแบบ 100% ไม่มีพลังงานอื่นมาใช้งานร่วมด้วย โดยสามารถชาร์จไฟได้อย่างต่อเนื่องเมื่อแบตเตอรี่หมด นอกจากนี้ยังมีการแบ่งประเภทรถไฟฟ้าแบบอื่นๆ ที่มีอยู่ในท้องตลาด ซึ่งได้แก่

● HEV (Hybrid Electric Vehicle) ที่เป็นแบบผสมระหว่างเชื้อเพลิงปกติกับไฟฟ้า,

●PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) ที่มีการทำงานผสมเหมือนกับ HEV แต่แบบนี้จะสามารถเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟจากภายนอกได้ด้วย,

●BEV (Battery Electric Vehicle) คือรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่อย่างเดียว

●FCEV (Fuel Cell Electric Vehicle) ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานผลิตจากเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell)

 มีหลายประเภทแบบนี้ ต้องเลือกให้ดีและเหมาะกับคุณกันนะครับ

5 รุ่น รถไฟฟ้าแนะนำแห่งปี 2022

GWM ORA Good Cat

รถไฟฟ้าที่หน้าตาน่ารัก และพบเห็นได้ค่อนข้างบ่อย ด้วยรูปร่างและการออกแบบสไตล์เรโทร บวกกับความน่ารักสะดุดตาของรุ่นนี้ จึงทำให้รถ EV ราคาไม่เกินล้านจาก GWM (Great Wall Motor) ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% น่าใช้งานมากเลยทีเดียว ด้วยตัวรถมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่พัฒนาขึ้นจากแพลทฟอร์ม GWM LEMON ที่มีความอัจฉริยะ สมรรถนะการขับขี่ที่ดี ความปลอดภัยขั้นสูง ชาร์จหนึ่งครั้งประมาณ 8-9 ชั่วโมง ก็จะวิ่งได้ถึง 400 กิโลเมตร ให้กำลังสูงสุด 105kW และมีแรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 152 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมโหมดการขับ 5 โหมดคือ Standard, Sport, ECO, ECO+ และ Smart ที่ปรับได้เองทั้งหมด น่าสนใจมากๆ เลยหล่ะครับ

●MG EP PLUS

หนึ่งในรุ่นของรถไฟฟ้าจาก MG ที่เป็นรถ EV 100% เป็นรุ่นนี้จะเหมาะกับเป็นรถครอบครัว เพราะมีขนาดพื้นที่ใส่ของความจุถึง 1,456 ลิตร มีเบาะหน้าคู่แบบ ANTI-CURVED SURFACE DESIGN ลดความเมื่อยล้าขณะขับได้ด้วย มีขนาดความจุของแบตที่ 50.3 Kwh และสามารถขับได้ไกลถึง 380 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ซึ่งใช้เวลาปกติในการชาร์จประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที และมีกำลังสูงสุด 163 แรงม้าทำความเร็วได้สูงสุดถึง 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมโหมดขับขี่ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ 3 ระดับคือ Sport, Normal และแบบ Eco ถือว่าเป็นอีกรุ่นของ MG ที่มีความน่าสนใจมากๆ เลยหล่ะครับ

●Pocco Duoduo

Pocco Duoduo (ป๊อคโค่ ตั่วตั่ว) เป็นรถของแบรนด์ “เผิงเค่อ” เป็นรถพลังงานไฟฟ้าแบบ Tall Boy 4 ประตู (ดูคล้ายกับรถ K-Car ของญี่ปุ่น) นั่งได้ 4-5 ที่นั่ง ผสมผสานการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ จุดชาร์จไฟอยู่บริเวณด้านหน้ารถ โดยใช้สีทูโทนเพื่อให้ดูน่าสนใจ มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 29 กิโลวัตต์ (39 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตร พร้อมแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนฟอสเฟต มีขนาด 10.3 kWh (ใช้เวลาชาร์จ 6-8 ชั่วโมง) สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางประมาณ 128 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC (ไฟบ้าน 0-100%) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เป็นรถไฟฟ้ารุ่นเล็กที่เหมาะสำหรับใช้งานในเมืองอย่างน่าสนใจเลยหล่ะครับ

Lexus UX 300e

จัดเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกจากค่ายเลกซัส ภายใต้แบรนด์ “LEXUS ELECTRIFIED” ซึ่ง Lexus ประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศอย่างเป็นทางการในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ 2019 มาพร้อมด้วยระบบการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบ ให้พละกำลังสูงสุดถึง 201 แรงม้า อัตราเร่งแรง ดุดัน มีสมรรถนะอันทรงพลัง โดยระยะทางวิ่งได้สูงสุด 360* กม.ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) และชาร์จแบบ Quick DC Charger 0-80% ได้ภายใน 50 นาที สำหรับการชาร์จแบบกระแสตรงผ่านการชาร์จด้วยเครื่องชาร์จ 50 กิโลวัตต์ ด้วยกำลังไฟ 125 แอมป์ โดยแบตเตอรี่มีขนาด 54 kWh รับประกันทั้งระบบ 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมรับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี ว้าว!! น่าสนใจมากๆ ใช่มั้ยหล่ะครับ

●Tesla Model Y

Tesla Model Y (เทสลา โมเดล วาย) รถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังที่สุดในโลก ในรูปแบบ Crossover 5 ที่นั่งรุ่นล่าสุด สร้างบนพื้นฐานของ Tesla Model 3 กับราคาที่จับต้อง มาพร้อมกับขุมพลังที่มีให้เลือกทั้งแบบ Single Motor และ Dual Motor ขับเคลื่อนล้อหลัง และแบบ AWD ในรุ่น Dual Motor มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 283 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ที่มีให้เลือกทั้งแบบ Standard Plus, Long Range และ Performance เป็นแบบขนาด 75 kWh. ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.6 วินาที (Standard Plus), 5 วินาที (Long Range) และ 3.3 วินาที (Performance) ทำความเร็วได้สูงสุด 217 กม./ชม. (Standard Plus, Long Range) และ 250 กม./ชม. (Performance) ให้ระยะทางวิ่ง 455 กิโลเมตร (Single Motor), 542 กิโลเมตร (Dual Motor) และ 528 กิโลเมตร (Performance) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (คำนวณตามมาตรฐาน WLTP) โดยใช้เวลาชาร์จประมาณ 6 – 6.5 ชั่วโมง

และนี้คือ “5 รุ่น รถไฟฟ้าแนะนำแห่งปี 2022” ที่พึ่งจะเปิดตัวไปไม่นานและน่าสนใจเอามากๆ เลยหล่ะครับ หวังว่าทุกๆ ท่านจะเจอรุ่นที่ใช่กันนะครับ

Roger Wilson

Back to top